มีความเชื่อมากมายที่คนสมัยก่อนบอกเล่าต่อ ๆ กันมา และเป็นทั้งความเชื่อที่บอกเรื่องดีและไม่ดี บอกเหตุดีและเหตุร้ายรวมถึงเป็นเหมือน บอกลางสังหรณ์ และเกิดขึ้นเพื่อมาเตือนภัยให้ระวังตัวเอาไว้ด้วย เรื่องราวต่าง ๆ มักจะเกิดขึ้นแบบที่เรามักจะไม่ได้ทันตั้งตัว ซึ่งวันนี้เราได้รวมมาถึง 3 เหตุการณ์เกี่ยวกับความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ยังคงสามารถเห็นได้จากการพูดถึงหรือการเล่าเรื่องในปัจจุบัน หลายคนอาจจะเลือกวิธีการดูดวงแต่การแปลความหมายที่เรากำลังจะบอกก็อาจจะช่วยให้เตรียมรับมือกับเรื่องราวที่จะเจอได้เช่นเดียวกัน
กินข้าวแล้วเกิดมือชนกัน เชื่อว่าจะมีคนมาเยี่ยมมาหาที่บ้าน
ในช่วงสมัยก่อนการติดต่อกันอาจจะยังไม่สะดวกสบายแบบในตอนนี้ที่มีโทรศัพท์มือถือไว้เพื่อโทรหากัน นัดกันได้อย่างสบาย ๆ เวลาจะเจอกับใครสักทีหนึ่งอาจจะต้องไปหาไปคุยกันที่บ้านแล้วก็มีหลายครั้งที่พลาดไม่เจอกัน หรืออาจจะต้องส่งคนจากที่บ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่งเพื่อบอกกล่าวว่าวันไหนจะเดินทางมาเพื่อพูดคุยธุระ แต่รู้หรือไม่ว่าคนสมัยก่อนมีเหตุการณ์ที่เชื่อกันว่าสามารถบอกได้หากใครกำลังจะมาหา และในยุคโบราณเวลาทานอาหารด้วยความเป็นอยู่ของสังคมคือ ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ดังนั้นเลยมีความเชื่อกันว่าถ้าระหว่างที่ทานอาหารอยู่นั้นแล้วเกิดเอื้อมมือไปอาหารบนโต๊ะพร้อม ๆ กัน หรือมีการชนกันระหว่างนั้น จะมีคนมาหาที่บ้านแน่นอน ซึ่งต้องเตรียมอาหารไว้เพื่อต้อนรับและมักจะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์มือชนกันไม่เกิน 2 – 3 วันเท่านั้น แบบที่ว่าไม่ต้องดูดวงกันก่อนล่วงหน้าเลย
ก้าวเท้าไหนดีหรือไม่ดี
เรียกว่าก่อนออกจากบ้านมักมีความเชื่อว่าการก้าวเท้าข้างไหนจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ ควรดูตามฤกษ์เพื่อจะได้เจอแต่เรื่องดี ๆ เช่นหากกำลังจะไปพูดคุยเจรจาเพื่องงานต่าง ๆ ควรก้าวเท้าซ้ายออกไปจากบ้านเพื่อถือเป็นฤกษ์ที่ดี จะได้สมหวังและประสบความสำเร็จ
มีผึ้งมาทำรังในบ้าน
โดยปกติแล้วเชื่อกันว่าหากมีผึ้งมาทำรังภายในบ้านมักจะใช้โชคลาภกับเจ้าของบ้าน และเชื่อกันว่าอย่าไปไล่หรือทำลายรังของผึ้งเพราะผึ้งปกติเป็นผู้รักสงบตามต้นไม้ หากเข้ามาอยู่ในบ้านถือเป็นเรื่องดี เป็นสัตว์ที่เชื่อกันว่าจะนำโชคและถ้าขนาดของรังผึ้งใหญ่มากแค่ไหนก็จะได้โชคก้อนใหญ่ตามไปด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็สามารถจุดธูปเพื่อบูชาหรือหาดอกไม้ไปวางไว้ใกล้ ๆ รังผึ้งได้ เชื่อกันว่าเป็นการเสริมสิริมงคลให้ชีวิต แบบไม่ต้องไปเสริมดวงหรือดูดวงที่ไหนกันเลย
